Style : Hawaii

(Left) Playhound : 1,490 บาท , (Right) Pull & Bear 690 บาท

(Left) Playhound : 1,590 บาท , (Right) Pull & Bear 690 บาท

Picture : Greyhound ,  Pull & Bear

Style : Camouflage

เบื่อทหารกันรึยัง? ไม่ว่าเราจะชอบหรือไม่ชอบก็ตาม..เราหนีมันไม่พ้นคล้ายกฎแห่งกรรม..5..5..5 "ลายพราง"หรืออย่างที่มีชื่อเรียกว่า"Camouflage"เป็นลายที่ใช้คู่กันกับเสื้อแนวทหาร(Military) โดยที่ลายแบบที่เรียกว่า"Camouflage"นั้นสามารถมีได้หลายสีและหลายแบบ แต่ที่นิยมคงไม่พ้นกลุ่มในโทนสีเขียวขี้ม้า ปีนี้อิทธิพลของลายพรางนั้นรุนแรงกว่าที่เคยฮิตกันมา..แม้จะผ่านมาหลายฤดูกาลแล้วก็ตาม และก็ยังคงมีอิทธิพลไปจนถึงปี2014 ฉะนั้น..มีไว้บ้างก็คงไม่เสียหาย

1 : Superdry

2 : Valentino

3 : ALO

4 : Pull & Bear

5 : Swatch

6 : A Bathing Ape x Ferrari

Style : Wild Faces

(Left) Givenchy : 6,225 บาท , (Right) Vivienne Westwood : 3,480 บาท

เสื้อพิมพ์ลายหน้าสัตว์ต่างๆนั้นไม่ใช่ของใหม่ แต่ถ้านับในยุคปัจจุบันนี้(2010 เป็นต้นมา)ความนิยม,กระแสของลายแบบนี้น่าจะเกิดขึ้นมาจากเสื้อลาย"Rottweiler"ของ"Givenchy"(Fall/Winter 2011-2012) หลังจากนั้นทั้งตัวแบรนด์"Givenchy"และแบรนด์อื่นๆก็มีหน้าสัตว์ต่างๆออกตามกันมาอีกมากมาย ทั้งของแพง,ของถูกและของปลอม..5..5..5

(Left) Pull & Bear : 690 บาท , (Right) River Island : 683 บาท

Picture : Luisa Via Roma ,  Pull & Bear , River Island

Style : Tropical Paradise

Givenchy

ดิฉันชอบตั้งชื่อเรื่อง..มันเป็นความสุข..แต่อย่าไปเชื่ออะไรมากนัก..จะเสียใจภายภาคหน้า..5..5..5 หน้าร้อนนี้น่าจะยาว..โดยเฉพาะ"สยามเมืองร้อน"..5..5..5 ตอนแรกนึกว่าลาย.."ปักษาสวรรค์"ของ"Givenchy"จะฮิต..ออกมาเกลื่อนกว่านี้ ต๊าย..ผิดคาด..เห็นไหมดิฉันไม่ได้"เดา"หรือ"คาดการณ์"อะไรถูกไปซ่ะทั้งหมด..5..5..5

Taxonomy

(Left) Taxonomy , (Right) Topman

ลวดลายที่ดิฉันหยิบขึ้นมาเขียนถึง..เพ้อเจ้อ..ไปตามเรื่องชื่อว่า"Tropical Paradise"นี้ ก็คือเสื้อที่มีลวดลายที่ทำให้นึกไปถึงหมู่เกาะ,ชายหาด,ป่าเมืองร้อน..ที่ไม่มีรีสอร์ท,นักท่องเที่ยว,กระหรี่,หาบปลาหมึกปิ้ง..5..5..5 องค์ประกอบของลายส่วนใหญ่..แหม..ชื่อก็บอกอยู่ ก็อย่าง..ดอกไม้ก็กล้วยไม้,ชบา,ลั่นทม ผลไม้ก็อย่างกล้วย,สับปะรด สัตว์ก็น่าจะพวกนกแก้ว,นกทูแคน,นกมาคอว์..อะไรทำนองนั้น ส่วนใหญ่แล้วลายจะทำให้นึกถึง.."ฮาวาย"เป็นหลัก เป็น"ฮาวาย"ที่อยู่ในช่วง40'sถึง50's ซึ่งเป็นช่วงยุคที่เสื้อ"ฮาวาย"ฮิตติดกระแส

Q Design and Play

Curated by Ek Thongprasert

ส่วนอยากตามกระแส..หรือเป็นความชอบส่วนตัว แต่จะ"Givenchy"ก็ไม่ไหว..หรือจะ"Topman"ก็ไม่มั่นใจ(เลิกแต่งตัวดีไหมค่ะ?..5..5..5) ดิฉันว่าแบรนด์ไทยอย่าง"Q Design and Play"หรือ"Curated by Ek Thongprasert"ก็มีสินค้าบางชิ้นอยู่ในลวดลายกลุ่มนี้ คงต้องลองไปดูของจริงกันที่ร้านทั้งสองแบรนด์

Picture : SSENSE , Topman , Q Design and Play , Curated by Ek Thongprasert

Style : Pastel

Balmain : Spring/Summer 2012

สีอ่อนๆอย่างที่คนไทยเรียกกันจนติดปากกันว่าสี"พาสเทล" จริงๆนั้นมีการเรียกสีแบบนี้กันอยู่หลายแบบ อย่าง"Powder"หรือ"Chalk"ตามน้ำหนักของสี เมื่อก่อนนี้สีแบบ"พาสเทล"มาจากการย้อมให้เป็นสีนั้นๆ แต่ในปัจจุบันสี"พาสเทล"ที่เราเห็นมาจากสีที่เข้มกว่านั้น แล้วนำเอาไปฟอกด้วยวิธีการต่างๆจนสีอ่อนลง คล้ายเสื้อเก่าที่สีซีด มากกว่าที่จะเป็นสีอ่อนๆใสๆอย่าง"พาสเทล"แบบโบราณ

Tommy Hilfiger (Left) , Pierre Balmain (Right) : Spring/Summer 2012

Balmain : Spring/Summer 2012

Tommy Hilfiger (Left) , Hydrogen (Right) : Spring/Summer 2012

Closed : Spring/Summer 2012

Picture : Luisa Via Roma

Blog : The Best Men's Fashion Blogger 2011

พอปลายปีส่วนใหญ่เวปแฟชั่นก็จะมีการจัดรวบรวม"ดีที่สุดของปี" แล้วแต่ความถนัดและแนวของแต่ล่ะเวป ส่วนใหญ่..ดิฉันว่าน่าเบื่อ..โดยเฉพาะ"Style"และ"WWD" คือมันจะวนไปวนมาอยู่ไม่กี่เรื่องและไม่กี่บุคคล เหมือนคนหรือเรื่องในวงการแฟชั่น..มีอยู่แค่นั้น จริงๆมันก็ไม่ใช่แบบนั้น แต่สองเวปที่กล่าวมาขั้นต้นเน้นไปที่ระบบ"ธุรกิจ"มาก..มากจนลืมความเป็นจริง นี่เป็นการจัดอันดับ"Fashion Blogger"ที่ดีที่สุดในปี2011ที่เพิ่งผ่านไปจากเวปของนิตยสาร"GQ"ของอิตาลี ซึ่งจริงๆแล้วมีแค่"Jak and Jil"บล็อคเดียวที่เป็นยูนิเซ็กซ์ คือมีทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ส่วนที่เหลือนั้นเป็นแฟชั่นผู้ชายล้วนๆ

Jak and Jil

Put this On

Fuck Yeah Menswear

Note a Margine

Men's Reverie

นั่นคือสาเหตุที่เปลี่ยนชื่อบทความจากต้นฉบับที่มีแค่"The Best Fashion Blogger 2011" มาเป็น"The Best Men's Fashion Blogger 2011"แทน หลายบล็อคไม่น่าถูกใจคนไทย..5..5..5 เพราะเป็นการเขียนถึงแฟชั่นในแบบที่ละเอียดและเป็นบทความมากกว่าการเมาท์แบบที่บล็อคเกอร์ไทยทำกันทั่วไป ฝรั่งมอง"Fashion Blogger"แตกต่างจากที่คนไทยมอง "Fashion Blogger"ในสายตาฝรั่งค่อนข้างซีเรียส ในขณะที่คนไทยบางคนมองมันไม่ต่างอะไรกับเวปทั่วๆไป นั่นเกิดขึ้นเพราะว่าการใช้ชีวิตที่แตกต่างกัน

Die, Workwear!

A Continuous Lean

Mister Mort

How to Talk to Girls at Parties

Valet

Style : Baseball

เสื้อฮิตในช่วงที่ผ่านมาที่ยังคงไม่มีใครแย่งตำแหน่งไปได้อย่าง"Baseball Jacket" คราวนี้หนังสือแฟชั่นอิตาลีอย่าง"L'Uomo Vogue"ไม่ได้ลงเพียงแค่"Baseball Jacket"อย่างเดียว แต่มากับสไตล์"Baseball"เลยทีเดียว คือเสื้อผ้าแฟชั่นที่นำเอาชุดกีฬา"Baseball"มาดัดแปลงให้แต่งได้จริง แฟชั่นไม่ได้มาแล้วไปไวอย่างที่บางคนคิด มันมีอายุของมัน ตั้งแต่หกเดือนไปจนถึงหนึ่งปี นั่นคือแล้วแต่กระแสด้วยสำหรับยุคนี้

Picture : L'Uomo Vogue

Style : Formal & Casual

Formal (Dolce&Gabbana Fall/Winter 2011-2012)

จริงๆเคยเขียนไปแล้วทีนึง..แล้วลบออก รู้สึกไม่มั่นใจในความถูกต้องของตัวเอง(5..5..5) แต่เมื่อหลายวันก่อนไปอ่านเวปเวปนึงแล้วคันมือยิกๆ เลยกลับมาเขียนบทความนี้อีกดีกว่า เรื่องที่ว่าก็คือ"Formal"และ"Casual" ดิฉันว่า..หลายคนคงเข้าใจอะไรผิดไปแน่ๆว่าเสื้อแขนยาวกับกางเกงขายาวคือ"Formal"..? คำว่า"Formal"คือรูปแบบการแต่งกาย..ไมใช่ประเภทเสื้อผ้า เสื้อแจ็คเก็ตแบบที่หลายๆคนเรียกติดปากว่า"สูท"สามารถเป็นได้ทั้ง"Formal"และ"Casual" แล้วแต่วิธีที่เราแต่ง

"Suit" ซ้าย : Gucci , ขวา : Dolce&Gabbana

"Jacket" ซ้าย : Givenchy , ขวา : Dolce&Gabbana

คำที่เราเรียกทับศัพท์ว่า"Suit"นั้น ความหมายของมันคือตัวแจ็คเก็ตและกางเกงที่เข้าชุดกัน ส่วน"Vest"หรือเสื้อกั๊กนั้นมีหรือไม่มีไม่ได้ทำให้ความหมายของคำว่า"Suit"นั้นเปลี่ยนไป แต่ถ้าเหลือแต่แค่แจ็คเก็ตตัวบนตัวเดียวแล้วนำไปใส่กับเสื้อผ้าแบบอื่นๆ ชื่อเรียกทั้งประเภทของเสื้อผ้าและรูปแบบจะเปลี่ยนไปในทันที เพราะมันไม่ใช่"Suit"แล้ว ถ้าเป็นเสื้อเดี่ยวเราจะเรียกว่า"Jacket" และเมื่อนำไปใส่กับชิ้นอื่นที่ไม่เข้าชุดกัน ถึงแม้..จะยังมีเสื้อเชิ๊ตและเนคไทอยู่ก็ตาม มันจะกลายเป็น"Casual"ไม่ใช่"Formal"

Casual (D&G Fall/Winter 2011-2012)

Picture : Dolce&Gabbana , D&G , Mr. Porter